ดื่มน้ำเปล่าอย่างไร? ให้ถูกหลักสุขภาพ

ดื่มน้ำเปล่าอย่างไร? ให้ถูกหลักสุขภาพ

Health Benefits of Drinking Water

“น้ำ” เป็นสิ่งจำเป็นกับทุกๆ ชีวิตไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์และรวมไปถึงมนุษย์นั้นเอง ซึ่งน้ำเป็นองค์ประกอบหลักของร่างกายของมนุษย์ที่มีสัดส่วนถึง 50-70% ไม่ว่าจะเป็นภายในเซลล์หรือตามอวัยวะต่างๆ ร่วมไปถึงระบบการทำงานของร่างกายและเลือดนั้นก็มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักเช่นกัน จึงทำให้การดื่มน้ำบ่อยๆ ก็จะเป็นการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี ในบทความนี้จะพาทุกๆ ท่านมารู้จักกับ “วิธีการดื่มน้ำที่ถูกต้อง ถูกที่และถูกเวลาเพื่อสุขภาพที่ดี” ให้กับทุกๆ ท่านได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันกัน แต่ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักกับความสำคัญของน้ำต่อร่างกายกันดีกว่าครับ

น้ำสำคัญกับร่างกายของเราอย่างไร ?

น้ำนอกจากเป็นส่วนประกอบหลักของร่างกายแล้ว ยังมีหน้าที่สำคัญต่างๆ โดยทำหน้าที่ในการเป็นตัวกลางในการเกิดปฏิกิริยาต่างๆ อาทิเช่น กระบวนการเมตาบอลิซึมของร่างกาย ซึ่งเซลล์จะไม่สามารถทำงานได้หากไม่มีน้ำเป็นสื่อกลางซึ่งยกตัวอย่างกระบวนการของร่างกายที่ใช้น้ำได้ดังนี้
– กระบวนการย่อยอาหาร ซึ่งน้ำจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการละลายอาหารร่วมกับน้ำย่อยในกระเพาะ
– กระบวนการดูดซึมอาหาร ซึ่งน้ำจะช่วยในการละลายและแพร่สารอาหารให้เข้าสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย
– กระบวนการขับถ่ายของเสียของร่างกาย โดยน้ำจะเป็นส่วนนึงที่ช่วยในการขับถ่ายของเสียหรือสารเคมีต่างๆ ที่ไม่จำเป็นต่อร่างกายออกไปทางปัสสาวะหรืออุจจาระนั้นเอง

นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายได้โดยการลดความร้อนด้วยการขับเหงื่อออกตามผิวหนังนั้นเอง

หากร่างกายขาดน้ำจะเกิดอะไรขึ้น ?

อย่างที่ทราบกันว่า “น้ำ” เป็นส่วนประกอบหลักของร่างกายซึ่งถ้าหากร่างกายขาดน้ำมากๆ ย่อมเกิดผลเสียต่อร่างกายอย่างแน่นอน ซึ่งจะผลเสียต่างๆ เช่น ผิวหนังแห้ง ริมฝีปากแห้ง คอแห้งทำให้ต้องกลืนน้ำลายบ่อยและอาจก่อให้เกิดอาการไข้ขึ้นสูงไปและหากยังขาดน้ำเป็นเวลานานอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยตามหลักวิทยาศาสตร์ระบุข้อมูลไว้ว่า “มนุษย์อยู่ได้ถึง 3 สัปดาห์หากขาดอาหาร แต่อยู่เพียง 3 วัน ถ้าขาดน้ำ” ดังนั้นเราควรดื่มน้ำบ่อยๆ ให้เพียงพอต่อวันกันไว้ดีกว่าครับ

ดื่มน้ำแบบไหนให้สุขภาพดี ?

1.ช่วงตื่นนอนควรจะดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำที่อุณหภูมิห้อง เพราะจะดื่มง่ายกว่าน้ำเย็นและอุณหภูมิของน้ำที่ดื่มไม่ต่ำกว่าอุณหภูมิของร่างกาย จึงไม่เป็นการไปดึงอุณหภูมิร่างกายให้เย็นลง โดยดื่มปริมาณ 1-3 แก้วหรืออย่างน้อย 500-750 มิลลิลิตร ซึ่งช่วงเวลาหลังตื่นนอนจะเป็นช่วงที่มีความเข้มข้นของเลือดสูง ร่างกายและเลือดจะมีลักษณะขาดน้ำนั้นเอง

2.ในช่วงรับประทานอาหาร ควรดื่มน้ำไม่เกินครึ่งแก้ว เพราะหากดื่มน้ำมากเกินไประหว่างทานอาหารจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะเจือจางลง ส่งผลต่อระบบการย่อยอาหารร่างกายย่อยอาหารได้ไม่ดี
3.ช่วงเวลาประมาณ 9 โมงถึง 10 โมงเช้า ควรดื่มน้ำให้ได้ 2 แก้ว ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีของเสียเกิดขึ้น เพราะร่างกายได้ทํางานไประยะหนึ่งแล้ว ควรดื่มน้ำเพื่อมาชําระของเสียเหล่านั้นออกไป
4.ตลอดทั้งวัน ดื่มน้ำทีละนิด แบบจิบทีละ 2 – 3 อึก จิบบ่อยๆ ดีกว่าการดื่มน้ำครั้งละมากๆ เพื่อไม่เป็นการเพิ่มภาระให้กับระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย
5.ก่อนนอน ดื่มน้ำอีก 1-2 แก้ว หรือมากกว่า 250 มิลลิลิตร เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลําไส้และกระเพาะอาหาร หากดื่มน้ำอุ่นได้จะยิ่งช่วยให้หลับสบาย

ประโยชน์ของการดื่มน้ำมีอะไรบ้าง ?

ประโยชน์ของการดื่มน้ำมีมากมายซึ่งเราสามารถยกตัวอย่างเป็นข้อๆ ได้ดังต่อไปนี้
1. ช่วยบำรุงสุขภาพผิวให้ดีขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้น ป้องกันเรื่องริ้วรอยและผิวแห้งกร้าน
2. ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย
3. ปรับสมดุลให้แก่ร่างกาย
4. ช่วยให้ระบบการหมุนเวียนของเลือดทำงานได้ดีขึ้น
5. ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่
6. ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
7. ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ “วิธีการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพที่ดี” ที่ท่านผู้อ่านทุกๆ ท่านสามารถนำไปใช้และปฏิบัติในชีวิตจริงได้เป็นอย่างดี เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ท่านผู้อ่านเข้าใจถึงความสำคัญในการดื่มน้ำในแต่ละวันเพื่อการทำงานและสุขภาพที่ดีพร้อมกับผิวพรรณที่เปร่งปรั่ง นอกจากการดื่มน้ำบ่อยๆ แล้ว ควรพักผ่อนและประทานอาหารที่เหมาะสมควบคู่ไปด้วยนะครับ

Leave a Reply